ปลายปี 2554 ผมเคยพูดไว้ว่า อยากปั่นจักรยานตามฝัน กรุงเทพ-ลำปาง
ซึ่ง ณ เวลานั้น ใครๆก็ว่าผม…ว่า….
จะบ้ารึปั่นทำไม ไกลก็ไกล อันตราย ไปไม่ถึงหรอก ไปได้ซัก 10โล
เดี๋ยวก็นั่งรถกลับบ้าน เอาจริงรึ อย่าเลย บราบราๆๆๆๆ สารพัดคำพูด
ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มรับคำพูดเหล่านั้น แน่นอนว่าผมเอาจริง! แต่ไม่มีใครเข้าใจ
ทุกคนมักคิดว่าผมพูดเล่น ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง ว่าทำไมต้องปั่นไกลขนาดนั้น ?
“ผมเชื่อว่า คนที่รักการปั่นจักรยานทุกคน จะมีบุคลิกเหมือนๆกันอย่างนึง
พวกเรามีแรงพลักดันให้มุ่งไปข้างหน้าตลอดเวลา ไม่หยุดอยู่กับที่
เราชอบที่ต่อสู้กับตัวเอง ถึงเราจะแพ้แต่เราก็จะยังมุ่งหน้าต่อ
แต่ถ้าชนะเราก็จะมีเป้าหมายใหม่ต่อไป ที่ไกลขึ้น ยากขึ้น ท้าทายขึ้นเสมอ”
ผมใช้เวลาเตรียมตัว 1ปี เต็มๆ ตั้งแต่ต้นปี 2555 (หลายคนคิดว่าผมปั่นเล่นๆ ไปวันๆ)
- ศึกษาหาข้อมูล เส้นทาง ถนนทุกสาย แผนที่ต่างๆ จากพี่น้องที่เคยไป
จากทริป กรุงเทพ-ลำปาง ไม่เอาละ ไหนๆจะทำทั้งที เอาให้เกิน 700 กม. ไปเลย
กรุงเทพ – เชียงใหม่ ไปเล้ยยย อย่าไปกลัว เลือก 4-5 เส้นทาง
แล้วเลือกเส้นทางที่เราถนัดที่สุด จะได้ไม่หลง - ถ้าอยากถึงเชียงใหม่ ผมต้องปั่นให้ได้วันละ 120-150 กม./วัน
ถ้าทำไม่ได้ ก็ไปไม่ถึงแน่นอน! เพราะงั้นต้องซ้อมให้หนัก - setup จักรยาน เปลี่ยนยาง ใส่ตะแกรง ให้เป็นทัวร์ริ่งแบกสัมภาระได้
(ทดสอบกำลังว่าแบกไหวแค่ไหน เรียนรู้จากการแบกทางไกลจริงๆ
และต้องรู้จักเจียมตัว ถ้าแบกไม่ได้ก็ต้องมีรถ service) - ทดสอบตัวเองทริปแรก ปากเกร็ด-สนามหลวง
- เริ่มชินแล้วก็ ไกลขึ้น กรุงเทพ-พระปฐมเจดีย์ (ประมาณ 75กม.)
- เพิ่มซ้อมทุกวันเสาร์ โดยปั่นกลับบ้าน ปากเกร็ด-พุทธมณฑลสาย8 (ประมาณ 55กม.)
- ซ้อมแบกของเต็มที ไปกลับ บนเส้นทาง กรุงเทพ-อยุธยา (ประมาณ 120กม.)
- เทสรถไม่ผ่าน กลับมา setup ใหม่ แล้วปั่นเส้นทางเดิม จนกว่าจะได้
- จากนั้นไปทดสอบกำลังใจกันต่อ กรุงเทพ-ชะอำ (ประมาณ 170กม.)
(อันนี้ผมไม่ผ่าน เพราะแบกของไปเต็มที จำลองเหมือนไปเชียงใหม่ แต่สุดท้ายไม่รอด
ผมไม่สบายร่างกายไม่พร้อม วางแผนผิด ได้บทเรียนกลับมาเยอะเลย) - ศึกษาเรื่องโภชนาการการกีฬา (อันนี้มีส่วนสำคัญมาก)
- จากเคยซ้อมทุกวันเสาร์ ก็เปลี่ยนมาซ้อมทุกคืนหลังเลิกงาน วันละ 16กม. ไม่พัก
( เสาร์-อาทิตย์ เน้นปั่นให้ได้ 50กม เป็นอย่างต่ำ ) - จากเสาร์-อาทิตย์ วันละ 50กม. ปลายเดือน พ.ย. 2555 ก็เพิ่มเป็น 120กม.
- สร้างแรงบรรดาลใจ โดยผมเลือก วันที่ 12/12/2012 (ตรงกับ วันเกิดผมเอง)
วันเกิดปีนี้จะไม่เหมือนทุกปี จะต้องมีรูปผมปั่นจักรยานไปเชียงใหม่ให้ได้ - คนพร้อม รถพร้อม แผนที่พร้อม เงินพร้อม ก็ลางานได้เลย ออกไปตามฝันกัน
8/12/2012 เริ่มเดินทาง กรุงเทพ (ปากเกร็ด)-ชัยนาท
ระยะทางรวม 171กม. พักโรงแรม ชัยนาทธานี อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท
(ค่าห้อง 750บ. รวมอาหารเช้า มีอ่างน้ำอุ่น)
วันแรกสลบเลย ไข้ขึ้นอีกตะหาก จัดหนักบนทางเรียบเกินไป
ยิ่งปั่นยิ่งมันส์ เลยลืมตัวไปเลย
9/12/2012 ชัยนาท-กำแพงเพชร
ระยะทางรวม 175กม. พักโรงแรมโรงแรมชากังราวริเวอร์วิว จ.กำแพงเพชร
(ค่าห้อง 1000-1300บ. รวมอาหารเช้าสุดหรู มีอ่างน้ำอุ่น)
เริ่มเช้าวันที่ 2 ปวดเมื่อยแต่ก็ต้องทน ไม่ทำก็ไม่มีคำว่าสำเร็จ
ผมไม่อยากเป็นแค่คนที่ได้แค่ นั่งวิจารณ์คนอื่น ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์
เข้ากำแพงเพชร เริ่มมีเนินซึมๆ ให้เริ่มทดสอบจิตใจ
ปั่นๆอยู่ดีๆ ขากล้อง Gopro หักซะงั้น กล้องกระเด็นไปกลางถนน ดีที่ไม่โดนรถเหยียบแตก
(ปั่นทางเรียบแท้ๆ หักได้ไงหว่า)
10/12/2012 กำแพงเพชร-ตาก (เขื่อนภูมิพล)
ระยะทางรวม 133กม. พักบ้านพักเขื่อนภูมิพล จ.ตาก
(ค่าห้อง 800บ. บ้านหลังใหญ่มาก 3เตียง วิวดี ไม่มีอาหารเช้า)
ตั้งแต่นครสวรรค์-ตาก เริ่มขึ้นเขายาวๆแล้ว เริ่มทรมาน
ขาตึง น่องโป่ง แทบจะหายใจทางผิวหนัง
เขื่อนภูมิพล สถานที่แนะนำให้ต้องมาเลย วิวสวยมาก อากาศดีสุดๆ
แถมยังขึ้นเขาจนน่องโป่ง ได้ทดสอบสกิลการลงเขาแบบยาวๆจากสันเขื่อน
เร้าใจมากๆ
บ้านพักที่เขื่อนไม่แพง พักได้หลายคน อากหารก็อร่อยมากๆ
11/12/2012 ตาก (เขื่อนภูมิพล) – ลำปาง(แยกลำปาง-เชียงใหม่)
ระยะทางรวม 159กม. คืนนี้นอนบ้านตัวเอง ผมเป็นคนลำปางเลยไปนอนที่บ้านพ่อ
แต่หากท่านใจจะหาโรงแรมนอน แนะนำโรงแรมเอเชีย ราคาไม่แพง
ขึ้นเขาตลอดเส้นทาง ไม่มีปั้ม ไม่มีร้านขายของกิน ไม่มีห้องน้ำ
ถ้าเตรียมตัวมาไม่ดี ไม่เตรียมน้ำมาเยอะๆ มีตายกลางป่าแน่นอน
12/12/2012 ลำปาง-เชียงใหม่ (ถ้าเวลาเหลือ ปั่นขึ้นดอยสุเทพ ต่อ)
ระยะทางรวม 95.6กม. ปั่นขึ้นดอยสุเทพ ต่ออีก 12กม. เริ่มต้นเช้าวันสุดท้าย ด้วยหมอกบางๆยามเช้า อากาศดีสุดๆ
แต่แฝงด้วยความโหดร้ายของขุนเขา (ดอยขุนตาล)
เขาสูงชัน ขนาดรถยนต์ รถบรรทุกยังขึ้นลำบากเลย
แทบจะพักทุก 1กม. ทรมานมากๆ เหนื่อยจนจะขาดใจ ขาก็สั่น
แต่ได้แรงใจจากพี่ๆรถบรรทุก ที่คอยตะโกนเชียร์
“ขึ้นไป ไอ้น้อง เหลืออีกนิดเดียว ไปให้ถึงยอดเขา!”
รถบรรทุก หลายต่อหลายคัน ปีบแตร พร้อมชูกำปั้นส่งใจเชียร์ ต้องขอบคุณพี่ๆมากๆ
ปั่นลงจากดอยขุนตาล ลงมาแรงมาก เร็วมาก 70กม/ชม.
ขนาดใส่แว่น แต่ลมยังแรงเข้าตาจนน้ำตาไหล มันทำให้เราประมาท และไม่เห็นทาง
เขาสูงชัน ตอนลงมันส์จริงๆ แต่ถ้าลงมาดูไลน์ไม่ดีมีตกเขาตายเช่นกัน
ผมก็เกือบไปแล้ว ดีที่ตั้งสติยกล้อหน้า หลบหลุมทัน ล้อหลังเลยลงหลุมแทน
เล่นซะยางแตกไป 2 รอบ ตอนลงเขาต้องมีสติมากจริงๆ
ถ้ายังเหนื่อยจากการขึ้นเขา ไม่พร้อม อย่าลงเด็ดขาด
16:30 ถึงเชียงใหม่ซะที สิ้นสุดการเดินทางแสนยาวนาน
ไหนๆก็มาแล้ว เลยอยากลองขึ้นดอยสุเทพซักครั้ง
17:00 ปั่นขึ้นดอยสุเทพต่อ อยากลองว่างั้นเถอะ
เป็นความคิดที่ผิดจริงๆ มันทรมานกว่าตอนขึ้นขุนตาลซะอีก มีแต่ขึ้นกับขึ้น
มันเหนื่อยมากจริงๆ จนอยากจะถอดใจ หันหลังกลับ ถ้าเราไม่หยุดคิดว่าเราไม่ไหว
ขาเราก็จะสั่น และก็จะไม่มีแรงปั่นในที่สุด บนเขานั้นมีแต่ตัวคุณ กับจิตใจ
ถ้าคุณแพ้ใจตัวเอง สุดท้ายคุณก็จะเป็นแค่คนที่ไม่เคยทำอะไรสำเร็จ
ได้แต่นั่งมองความสำเร็จของคนอื่น
ผมพบเพื่อนนักปั่นเชียงใหม่บนเขามากมาย ทุกคนต่างมุ่งมั้นที่จะท้าทายยอดเขานี้
เลยกัดฟันปั่นต่อ ร่างกายคนเรามันน่าอัศจรรย์จริงๆ ถ้าเราตั้งใจจริง
มันก็จะมีแรงปั่นขึ้นไปได้เอง ไม่มีอะไรได้มาโดยปราศจากความพยายาม
ปั่นขึ้นดอยสุเทพต่อ แต่ไปไม่ถึงพระธาตุ ขาดอีก 2กม.
เพราะเรามาถึงช้าไป 18:00 แล้วฟ้ามืดเร็วมาก อันตรายตอนลงเขา
ไฟหน้ารถก็ไม่มี เลยตัดใจลงจากเขาดีกว่า ไม่งั้นอาจตกเขาตายได้ O_o
ตอนลงนี่ เร็ว แรง เสียวจนขนลุก โค้งหักศอกมากมาย ขนาดบีบเบรกจนสุด
รถยังไม่หยุดไหลลงเขาเลย
ระยะทางกว่า 733 กม.สอนอะไรผมหลายๆอย่างๆ
เป็นประสบการณ์ที่มีค่าอย่างบอกไม่ถูก
ความสำเร็จมันไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ไม่ได้มาเพราะรถแพง-รถเบา
แต่มันมาพร้อมกับความพยายาม ความตั้งใจที่มุ่งมั้นไม่ย้อท้อ ตราบเท่าที่เรายังไม่หยุดปั่น
ยังไงมันก็ต้องไปถึง ช้าบ้างเร็วบ้าง
ทรมานจนอยากจะหันหลังกลับ
แต่…. ” ถ้าใจเราถึง เราก็ไปถึงเช่นกัน “
ปล. ขอบคุณ คุณแฟนที่คอยขับรถ service ขนของ และถ่ายรูปให้ตลอดเส้นทาง
ขอบคุณ คุณพ่อที่คอยโทรมาถามว่าถึงไหนแล้ว และให้กำลังใจเสมอ
ขอบคุณ ตัวผมเองที่พยามจนสำเร็จ
ถ้าคุณอยากรู้ว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่มีค่าขนาดนั้นเลยรึ?
ลองมาปั่นดูซิ แล้วคุณจะพบชีวิตใหม่ ^^