The northface 100 thailand 2016 หรือที่บรรดานักวิ่งเรียกติดปากกันย่อๆว่า TNF100
สำหรับนักวิ่งเทรลแล้ว คงไม่มีใคร ไม่รู้จักรายการนี้แน่นอน
รายการวิ่งเทรลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เริ่มจัดครั้งแรกปี 2012
นับปีนี้ด้วย ก็จะเข้าสู่ปีที่ 4 ของรายการนี้
(The northface 100 เป็นซีรี่ย์การแข่งขันวิ่งระยะอัลตร้ามาราธอนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
โดยงานจะจัดขึ้นใน 7 ประเทศ ได้แก่ จีน ไต้หวัน ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และไทย
โดยมีประเภทการแข่งขันดังนี้ 10Km, 25Km, 50Km และ 100Km)
ปีที่แล้วผมก็สมัครวิ่งในระยะ 25Km จบแบบอนาทใจมาก ท้องเสียก่อนแข่ง วิ่งเข้าป่าข้างทางตลอด
ตอนนั้นยังไม่ได้คิดจะวิ่งจริงจัง ก็เลยไม่ได้เขียนรีวิวเอาไว้ และก็ไม่คิดจะมาวิ่งอีกแน่นอนเพราะ
ทรมานมาก อนาทใจเหลือเกิน
แต่…ไม่รู้อะไรดลใจอีกนั่นแหละ ปีนี้ผมสมัครลงแข่งระยะ 50 Km เหอะๆ
น่าตลกดีเนอะวันนั้นบอกจะไม่มาวิ่งอีกแล้ว แต่วันนี้กลับมาลงสมัครระยะไกลกว่าเดิม 555
ซ้อมเยอะมากเพื่อรายการนี้โดยเฉพาะ ต้องบอกแบบนี้เลย
เพราะสนามนี้ ไม่หมู
และ….ผมตั้งใจจะมาเอาคืน!!!
สมาชิก XLRider ที่สมัครครั้งนี้สมัครกันไป 2 คน @imooba,@sinj และมี@Tan (แฟน@perseoat)ลงด้วย
แต่…พอถึงวันจริง @sinj ชิ่งไม่ว่างซะงั้น เหลือผม กะ @Tan
ซึ่งผมพยายามเป่าหูให้ @Tan เปลี่ยนระยะ จาก 10K เป็น 25K แต่ไม่สำเร็จ 555
( เพราะจากที่วิ่งปีก่อนทำให้รู้ว่า 10Km เส้นทางธรรมดาเด็กๆมาก
แต่ 25Km นี่หนังคนละม้วนเลย สูงชันตื่นเต้นกว่าเยอะ )
งานเอ็กซ์โป และ รับbib วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2559
สถานที่ สิมาลินทร์รีสอร์ท เขตอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ผมลางาน 1 วันเพื่อเดินทางไปรับ BIB ในเช้าวันศุกร์ แน่นอนว่า ต้องพาคุณนายและ เจ้าตัวเล็กมาด้วย ^^
ให้เวลากับตัวเองแล้ว อย่าลืมให้เวลากับครอบครัวด้วยนะครับ ^^
ขนของมาเยอะมาก ของลูกสาวทั้งนั้น…
แวะทานสเต็ก dairy home กันก่อน (ร้านโปรดมาทีไรต้องแวะทุกที ร้านโปรดคุณนาย)
กว่าจะถึง สิมาลินทร์รีสอร์ท ก็ปาเข้าไป เกือบบ่าย3
จน @perseoat ต้องโทรมาตามว่าถึงไหนกันแล้ว รอนานแล้วนะ เหอะๆ
บรรยากาศตอนรับ bib
นักวิ่งยังคงเยอะเหมือนเดิม ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เจ้าหน้าที่มีน้อย และเต็นท์มันแคบ เลยทำให้ช่วงรับ Bib ติดขัดไปหน่อย
แต่ไม่เป็นไรผมไม่รีบ
ในงานมีขายของจาก The northface และ salomon ด้วย
แต่เพราะคนเยอะมาก ผมก็เลยไม่ได้แวะดูอะไร
จุดรับฝากสัมภาระ สำหรับนักวิ่งระยะ 50Km,100Km เพื่อเอาไปไว้ยังจุด CP ต่างๆ
ครั้งนี้ผมไม่ได้จองที่พักเอาไว้ แต่พอรู้มาว่ามีจุดกางเต็นท์อยู่ในรีสอร์ทใกล้ๆ ก็เลยไปกางเต็นท์นอนแทน
อารมณ์แบบว่า อยากพาลูกสาวมาแคมป์ปิ้ง นอนดูดาวในเต็นท์
@perseoat มากางเต็นท์จองที่ไว้รอแล้ว สบ๊ายยย อิอิ
(นี่เป็นครั้งแรกที่พาตัวแสบมานอนเต็นท์ จะได้นอนมั้ยเดี๋ยวก็รู้ หึหึหึ)
กางเต็นท์เสร็จ ก็ได้เวลาออกไปหาของกิน เพราะบริเวณรอบๆสิมาลินทร์ ไม่มีร้านอาหารเลย
ขับรถไปไม่ไกลก็ถึงตลาดหน้าเทสโก้ มีของกินมากมายให้ซื้อไปทานได้ตอนเย็นๆ
ซื้อข้าวของสำหรับมื้อเย็น และมื้อเช้าพรุ่งนี้เสร็จแล้วก็รีบกลับ
เพราะต้องไปฟัง Briff ตอน 18:00
(เฉพาะนักวิ่งที่ลงแข่งระยะ 50Km และ 100Km ถ้าไม่มาฟังจะถูกเพิ่มเวลา 30 นาทีในผลการแข่งขัน)
บรรยากาศช่วงเย็น ฟังBriffเส้นทาง ตอน 18:00
ทานข้าวเย็นเสร็จก็พาเจ้าตัวเล็กไปอาบน้ำ การนอนเต็นท์แล้วมีตัวแสบมาด้วยนี่ลำบากมากทีเดียว
ไหนจะที่นอน ที่กิน ที่อาบน้ำ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวแสบจะไม่รู้สึกลำบากเลย วิ่งสนุกอย่างเดียว หึหึหึ
อากาศช่วงปลายเดือนมกราคม เขาใหญ่ยังคงหนาวนิดๆ เย็นกำลังดี
รีบเข้านอนแต่หัววัน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า เอาเจ้าตัวแสบเข้านอนก่อน
เดี๋ยวร้องโวยวายจะไปรบกวนเต็นท์ข้างๆ เค้าจะด่าเอา เหอะๆ
ดึกแล้วไม่มีไฟส่องสว่าง จัดของค่อนข้างยากทีเดียว จัดของเสร็จก็รีบนอนเลย
สัมภาระบังคับ ที่นักวิ่งระยะ 50Km และ 100Km จะต้องมีคือ
เป้หลังบรรจุน้ำ / สายคาดบรรจุน้ำ/ ขวดน้ำที่มีความจุ 2 ลิตร
ชุดไฟฉายสวมหัว (พร้อมแบตเตอรี่สำรอง)
อาหาร,อาหารเสริมชนิดแท่ง และเจลให้พลังงาน
โทรศัพท์มือถือ (ชาร์ตแบตเตอรี่เต็ม)
นกหวีด
แผนที่เส้นทางวิ่ง
ตั้งปลุกไว้ตอน 3:30 เหมือนจะยังไม่ได้นอน นอนไม่ค่อยหลับกลัวตื่นไม่ทัน แถมเจ้าตัวเล็ก ร้องงอแงทั้งคืน T_T
ตื่นมาก็อัดขนมปังก่อนเลยยัดไปให้เต็มที่ แล้วค่อยไปอาบน้ำแปลงฟัน แต่งตัว จัดของเติมน้ำ
แล้วก็เดินไปจุดสตาร์ท ท่ามกลางความมืดสนิท เช้านี้อากาศเย็นๆนิดหน่อยไม่ถึงกับหนาวมาก
ระยะวิ่งเดี่ยว 100Km เวลาปล่อยตัวคือ 05.00 น.
ระยะวิ่งเดี่ยว 50Km และคู่ 100Km เวลาปล่อยตัวคือ05.15 น.
ผมเดินถึงจุดสตาร์ท ประมาณ 5.00 น. มาทันเห็นช่วงปล่อยตัว 100Km พอดี คึกคักกันน่าดู ตื่นเต้นๆ
ชมบรรยากาศตอนปล่อยตัวครับ ตามlink นี้เลยครับ
https://www.youtube.com/watch?v=cvGrGPjievQ
(Credit : TheNorthFaceThailand )
ถามว่าวอร์มมั้ย บอกเลยว่าไม่….. (ไม่ทัน T_T )
50Km นี่ไปวอร์มเอาตอนวิ่งละกันนะ เหอะๆ
เช็กของให้เรียบร้อย เข้าห้องน้ำ แล้วก็เดินเข้าจุดสตาร์ทเลย
จากนั้นก็ หยิบมือถือขึ้นมา นับ 1 2 3 selfie , check in
อวดชาวโลกให้รู้ว่า
“ขณะที่พวกแก กำลังนอนสบายอยู่บนเตียง ชั้นมาทำบร้าอะไรที่นี่ ตอนนี้ -_-! ”
Up รูปตอนนี้ ตี5:00 ใครจะมาดูฟระ !!!
อากาศเช้านี้ อุณหภูมิประมาณ 17องศา เย็นกำลังดี ไม่หนาวมาก
เสียงนับเคาท์ดาวน์ กำลังดังขึ้น ทุกคนเปิดไฟฉายบนหัว 9 8 7 6 5 4 3 2 1 Goๆ Good luck
ใจเต้นตึกๆ เหล่านักวิ่งพร้อมใจกันวิ่งเข้าสู่ความมืด มันตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
มันไม่เหมือนการปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน เพราะเราไม่รู้ว่าในความมืดนั้นเราจะเจอกับอะไรบ้าง
เริ่มปุ๊บ ผมก็พยายามเร่งฝีเท้าขึ้นไปอยู่ช่วงกลุ่มหน้าๆ ก่อนเลยวิ่งเร็วๆรีบๆแซงขึ้นไป
เทคนิคของผมคือ วิ่งเทรลไม่เหมือนการวิ่งมาราธอนบนถนน ที่ถนนกว้างใครจะแซงก็แซง
เส้นทางเทรลนั้นบางจุดชันและแคบ บางจุดเป็นป่ารกทึบ ทำให้นักวิ่งต้องวิ่งเรียงหนึ่ง ไม่สามารถแซงกันได้
เพราะฉะนั้น การอยู่กลุ่มหัวแถวจะทำให้เรา ไม่ต้องเจอปัญหารถติดบนภูเขา ไม่ต้องรอคิวปีนหน้าผา
เพราะเราจะปีนก่อนคนอื่น O_o
แต่…ข้อเสียของการอยู่กลุ่มหน้าคือ มันมืด เรามองไม่เห็นคนข้างหน้า
และบางทีเราอาจจะวิ่งหลงทาง เพราะหาป้ายไม่เจอ
ลองจิตนาการณ์ตามข้าพเจ้า
วิ่งตอนตี 5 ในป่ามืดๆ ไร้แสงไฟจากบ้านคน เราจะเห็นอะไรในนั้น….
คำตอบคือ….ไม่เห็นอะไรเลย (T_T)
วิ่งไปได้แค่ 2Km หัวแถวก็ตะโกนกลับมา ผิดทาง ผิดทาง ผิดทาง (นั่นไงละพูดไม่ทันขาดคำ)
เราต้องวิ่งย้อนกลับมา ช่วยหาทางขึ้นเขากันต่อ เจอทางขึ้นเขาแล้วก็ลุยกันต่อ
ผ่านไป 10Km เส้นทางเป็นหินลูกรัง ไม่ชันมากวิ่งได้เรื่อยๆ ช่วงนี้พระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ว
เวลาขณะนี้ประมาณ 6โมงเช้า ได้เวลาถอดไฟฉายคาดหัวเก็บใส่กระเป๋า
แล้วหยิบหมวก+แว่นตา+ถุงแขนมาใส่แทน (เพราะหลังจากนี้จะเจอแดด ถึงขั้นแขนไหม้กันเลยทีเดียว)
ผมวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเร่งมากแล้ว เพราะแถวเริ่มแตก แยกเป็นกลุ่มๆตามความเร็วที่วิ่ง
ช่วงนี้พยายามเช็กสภาพร่างกายเจ็บปวดตรงไหนมั้ย ระบบหายใจเป็นไง สภาพร่างกายวันนี้โอเคมาก
วิ่งจบแน่นอน
เข้าสู่ กิโลเมตรที่ 12
ถือว่าเป็นช่วงไฮไลท์ของรายการนี้เลย วิ่งตามสันเขา เมื่อขึ้นถึงยอดเขาวิวสวยมาก ถ้าใครได้มาวิ่งสนามนี้อย่าลืม
หยุดยืนสูดอากาศตรงนี้ วิวสวยจริงๆ เพราะหลังจากนี้คุณจะไม่เห็นวิวสวยๆแบบนี้อีกแล้ว (T_T)
หลังจากผ่านยอดเขาได้ เราก็จะเริ่มวิ่งลงเขาแบบดิ่งนรก บนทางวิ่งดินลูกรัง ร่วนๆ
ตอนวิ่งลงค่อนข้างหวาดเสียวทีเดียว แต่ก็ช่วยเซฟเวลาได้ดี
พอลงจากเขาได้ จะมีจุดให้น้ำอยู่ แวะล้างหน้าล้างตากันก่อน ไม่ต้องรีบ
หนทางยังอีกยาวไกล หลังจากนี้จะเป็นทางเรียบๆ มีเนินซึมๆ เป็นดินลูกรังสลับถนนคอนกรีต
กิโลเมตรที่ 17
เริ่มวิ่งขึ้นเขากันอีกครั้งนึง ช่วงนี้กลุ่มเริ่มแตกกระจัดกระจาย หลังจากเจอ ภูเขาเข้าไป 2 ลูก
ช่วงนี้ผมพยายามหาคนเกาะไปด้วย เพราะถ้าวิ่งเองความเร็วมักจะตกลง การหาใครซักคนเกาะไปด้วย
จะทำให้เราวิ่งได้เร็วขึ้น มองไปมองมา ก็เจอสาวฝรั่งคนนึง จังหวะวิ่งใกล้ๆกับผม
เลยขอเกาะไปด้วย วิ่งเกาะสาวๆจะได้มีแรงฮึด เราเป็นผู้ชายจะแพ้สาวๆไม่ได้นะเฟ้ยยย
แต่การเกาะเธอนั้นเหมือนจะคิดผิดแหะ เพราะฟิตมาก ดันเท่าไรก็แซงไม่ได้
แซงได้ก็แปรบเดียว ก็โดนแซงกลับ อะไรกันเนี่ย!!!
ดูแววแล้วน่าจะขาแรงแหะ ปล่อยเธอแซงไปละกัน ผมผ่อนก่อนดีกว่าไม่งั้นมีแววขาขาด
(ผมมารู้ทีหลังว่าเธอคือ Silke Bender แฟนสาวของ Vlad Ixel แชมป์ Ultra หลายสนาม
และล่าสุดไปหวดแชมป์ Hk100 ถึงว่าซิขาแรงวิ่งตามไม่ทันเลย เลือกคนผิดแล้วตรู)
กิโลเมตรที่ 22
มีกลุ่มเด็กๆนักเรียนในชุมชน มาตั้งแถวโบกมือ ส่งเสียงเชียร์ด้วย น่ารักมากๆ
ช่วงนี้เริ่มเมื่อยขา แต่จะเดินก็ไม่ได้ อายเด็ก กร๊ากกกก
กิโลเมตรที่ 25
เราวิ่งลงเนินที่เป็นถนนลูกรังยาวๆ ผมเห็นกลุ่มนำวิ่งสวนขึ้นมาด้วย แทบกริ๊ดดดดดด
ลงไปเนี่ย เพื่อไปขึ้นเขาต่ออีก 2ลูกแล้ว กลับมาขึ้นเนินนี้อีกรอบ หึหึหึ แค่คิดก็ขนลุกซู่ เดินแน่นอน ฟันธง!!!
แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เดินไปกันยาวๆ trekking pole ที่พกมาคิดว่าจะไม่ได้ใช้ ก็ได้ใช้ตอนนี้แหละ
ยาวไปๆ
กิโลเมตรที่ 30
เขาก็ขึ้นมาหมดแล้ว หลังจากนี้น่าจะชิวๆ วิ่งสบายๆจนครบ 50Km แล้วละ
แต่…. ผมคิดผิด….
นรกของจริงเริ่มตอนนี้ต่างหาก มีเขาอีกลูกรอเราอยู่ ชันมากๆ บวกกับความเหนื่อนล้าที่สะสมมา
บอกเลยว่า ณ จุดๆนี้…. เหนื่อย Hereๆ
trekking pole ที่เก็บเข้ากระเป๋าไปแล้ว ถูกงัดออกมาใช้อีกครั้ง (รู้สึกดีใจที่พกมันมาด้วย ช่วยได้เยอะเลย)
วิ่งก็ไม่ได้ เดินก้มหน้าก้มตาไป เวลาแบบนี้จะทำอะไรดีละ
แน่นอนนนน …กินๆ เข้าไป ขนม+อินทผาลัมที่พกมา ถูกงัดออกมากินๆ
กิโลเมตรที่ 38
ภูเขา มันจบแล้ว…
เส้นทางตัดเข้ามาพบถนนดินลูกรัง ผมจำถนนเส้นนี้ได้เพราะเคยวิ่ง25Km ปีที่แล้ว
หลังจากนี้จะเป็นทางเรียบ ยาวๆ ไปจนถึง เส้นชัย
ตอนนี้ผมใช้เวลาไป 5:10ชม. ถ้ารักษาความเร็วดีๆ อาจจะจบที่ 7ชม. เริ่มมีความหวัง
ช่วงนี้อุปสรรคที่โหดร้ายที่สุดคือ แดด!!! ผมดูนาฬิกาตอนนี้ อุณหภูมิเกือบๆ 40องศา ร้อนมาก!!!
ต้องเริ่มพึ่งเจลพลังงาน เพราะเริ่มหมดแรง วิ่งไม่ออกแระ
ช่วงนี้เริ่มมีการผลัดกันนำ ผลัดกันแซงกับฝรั่งคนนึง ด้วยจิตวิญาณแห่งนักแข่ง ยอมไม่ได้ซินะ
วิ่งมันส์มาก ลืมเรื่องเหนื่อยไปชั่วขณะ
กิโลเมตรที่ 47
จุดให้น้ำสุดท้าย ที่บริเวณก่อนถึง วัดเขาแม่ชี ตอนนี้หิวจนตาลาย ขนมที่พกมาซัดเรียบไปหมดแล้ว
จุดๆนี้ผมจำได้ ปีที่แล้วมีขนมแจก แต่ปีนี้….มาไม่ทัน ขนมหมด ม๊ายยยยยยย !!!!
เริ่มแสบท้องเพราะหิวมากกก แต่อีกแค่ 3 กิโลก็ถึงเส้นชัยแล้ว
2 กิโลเมตรสุดท้าย
รู้สึกว่าแรงยังเหลือๆอยู่ พลิกดูนาฬิกาอีกครั้ง ทำเป็นเล่นไป อัดดีๆ อาจวิ่งจบก่อน 7ชม.
ซอยขายิกๆ เลยทีนี้ ผมโทรบอกคุณนาย ให้พาลูกไปรอเส้นชัยเลยนะ ปาป๊าจะพาลูกสาววิ่งเข้าเส้นชัย
วิ่งๆมาจนถึงจุดที่ผมกางเตนท์ไว้ ประมาณ 500m ก่อนถึงเส้นชัย @perseoat ออกมารอถ่ายรูปพอดี
เยี่ยมไปเล้ยยยย ดีใจน้ำตาจิไหล วิ่งมาหลายรายการ นานๆทีจะมีคนมารอเชียร์เราซักที ปลื้มปริ่ม
แต่…..
ปลื้มปริ่ม ได้ไม่นาน หันไปทางขวา….
เอ้า เอ้า เอ้า เอ้า เอ้า !!!!
คุณนายอุ้มลูกสาว ยืนโบกมืออยู่หน้าเตนท์….
เอ้ยยย เดี๋ยวเด๊ะ โทรบอกให้ไปรอที่เส้นชัย ทำไมมาอยู่ตรงนี้
คุณนายตะโกนตอบกลับมาว่า ” ก็นึกว่า จะให้ออกมายืนรอดูตรงนี้ จะวิ่งผ่านแล้ว”
FAIL……
หมดกัน อุตสาห์อยากได้รูปเท่ห์ๆ วิ่งพร้อมลูกสาวเข้าเส้ยชัย
จบละ (T_T)
และแล้วก็ถึงเส้นชัยซักที ตอนนี้โคตรดีใจเลย จบซักที
ใช้เวลาไปทั้งหมด 7:08:13ชม. อยากได้ sub7 แต่ไม่ทัน แต่ก็เต็มที่แล้วละ ไม่มีอะไรต้องเสียใจ
ถ้าอยากรู้ว่าสนามนี้แดดโหดร้ายขนาดไหน ดูที่ป้ายบอกอุณภูมิข้างหลังครับ…
51 องศา !!!! บอกเลยว่าเป็นฤดูหนาวที่ โหดร้ายโคตรๆ
ชมภาพ VDO ของทางทีมงาน TNF100 thailand ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=ziVIUyRym8k
หลังแข่งจบ เย็นวันนั้นผมพาครอบครัวไปกางเตนท์กันต่อที่ ลานกางเต็นท์ลำตะคองบนเขาใหญ่
นอนดูดาวกันอีกคืนนึง เจ้าตัวแสบชอบมาก สนุกเค้าละ
ผมชอบงานวิ่งแถบเขาใหญ่ ตรงนี้แหละ วิ่งจบยังพาครอบครัวเที่ยวได้ต่อ
สรุปทริป
สถานที่จัดงาน : เดินทางสะดวก ไม่ไกลกรุงเทพ มีที่จอดรถกว้างขวาง ที่โรงแรม+ที่พักมีเยอะ
รูปแบบเส้นทาง : Trail ถนนดินลูกรัง สลับกัยภูเขาสูงชัน วิ่งตากแดดไม่มีร่มไม้ ร้อนมาก
ระดับความชัน : เป็นทางเรียบดินลูกรัง มีเขาสูงชันๆหลายลูก นักวิ่งต้องฟิตมาพอสมควร
ระดับความยาก : ระยะ 10-25Kmเหมาะกับผู้เริ่มสนใจวิ่ง trail,ระยะ 50Km ความยากระดับปานกลาง
บรรยากาศงานวิ่ง : บรรยากาศดีมาก ทีมงานมาตรฐานinter(อุปกรณ์ไม่ครบไม่ให้เข้าจุดสตาร์ท) นักวิ่งเยอะ ของกินเยอะ
ภาพรวมงานวิ่ง : ผมให้ 8.5/10
น้ำ+อาหาร : มีจุดให้น้ำ+อาหารตลอดเส้นทาง อาหารการกินหลังงานวิ่งปีแรกที่มาไม่okเลย แต่ปีล่าสุดที่ไปมาดีขึ้นมาก
อยากให้ปรับปรุง : จุดฝากสัมภาระสำหรับนักวิ่งระยะ 50-100KM ดูแย่มาก กองๆไว้บนพื้นฝุ่นเพียบ
บางจุดอยู่ใกล้จุดให้น้ำเกินไป น้ำไหลมาทำให้ของที่ฝากมาเปียก
เหรียญรางวัล ไม่ว่างจะวิ่ง 10,25,50 ได้เหรียญหน้าตาเหมือนกันเป๊ะ ,(100 ไม่แน่ใจว่าต่างกันมั้ย)
แทบไม่มีอะไรแตกต่างเลย พิมพ์ระยะ หรือเปลี่ยนสีสายห้อยคอก็ยังดี
วิ่ง 50Km ไม่มีเสื้อฟินิชเชอร์ แทบไม่มีอะไรแตกต่างกะคนวิ่ง 10K เลย (T_T)
ครั้งหน้ามาอีกมั้ย : คิดว่ามาแน่นอน เพราะนอกจากวิ่งแล้วยังพาครอบครัวเที่ยวต่อได้
ขอบคุณภาพสวยๆจาก
http://shutterrunning.com/
https://www.facebook.com/Ksportrunning.PhotoKapsy/
https://www.facebook.com/TNF100Thailand/
Gasohol Photo